รีวิวเกาะหมากตอนที่แล้ว ผมได้กล่าวถึงหลักการของการท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอน ( Low Carbon Tourism )ที่เกาะหมากไปแล้ว ตามรีวิวนี้ http://www.chaicatawan.com/?p=1583
แต่ก่อนอื่นที่ผมจะพาไปเที่ยวแบบโลว์คาร์บอน และหาจุดถ่ายภาพ เรามาดูกันก่อนว่าจะเดินทางไปเกาะหมาก ได้ยังไง
เกาะหมาก อยู่ที่จังหวัดตราด ระหว่างเกาะช้าง และเกาะกูด
จากกรุงเทพฯ นั่งรถสาธารณะจากหมอชิต หรือเอกมัยก็ได้ หรือใช้รถส่วนตัวตามถนนหมายเลข13 ระยะทาง 315 กม. มาที่แหลมงอบ นอกจากนี้ยังมีเครื่องบินลงที่ตราดแล้วต่อรถมาท่าเรือแหลมงอบ จากนั้นต่อสปีดโบ๊ทไปเกาะหมาก ใช้เวลาประมาณ 45 นาที โดยเรือปาหนัน เรือสวนสุข เรือSEATALES และเรือลีลาวดี ตารางเดินเรือดูในรูปได้เลยครับ
ต่อไปผมจะพาไปลาดตระเวนเพื่อตามหาแสงสวยๆบนเกาะหมากครับ ตลอด4วัน 3คืนที่เกาะหมาก ผมทราบมาว่าผู้ประกอบการหลายแห่ง ใช้พลังงานมาจากแสงอาทิตย์ จะสังเกตุเห็นแผงโซล่าเซลล์ทั่วไปบนเกาะ นอกจากนี้บนเกาะไม่มีเจ๊ตสกี ไม่มีสกู๊ตเตอร์ให้เห็น
ผมพกกระบอกน้ำติดตัวด้วยครับ เพราะการพกกระบอกน้ำแบบนี้ ช่วยลดขวดพลาสติก เพราะจะใช้วิธีเติมน้ำครับ เป็นการลดขยะ
บนเกาะมีการจัด Happy Hour จากเจ้าของรีสอร์ท ร้านค้า ร้านอาหาร เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าในรีสอร์ทปิดไฟปิดแอร์ในห้องพัก แล้วออกมาทำกิจกรรมข้างนอก โดยการให้ส่วนลดพิเศษต่างๆมากมายในช่วงเวลาที่กำหนด
การกินอาหารในเกาะ ก็เน้นอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบที่หาได้ในเกาะ ไม่ต้องอาศัยการขนส่งจากฝั่ง ซึ่งจะทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน แบบนี้ถ้านักท่องเที่ยวให้ความร่วมมือ ผู้ประกอบการก็พร้อมจะบริการ บางทีนักท่องเที่ยวอาจไม่ได้รับความสะดวกในการเลือกทานอาหารมากนัก แต่ก็เป็นสิ่งที่ดีที่เราควรทำกับโลกใบนี้
อย่างร้าน สวีทเค้ก ซึ่งอยู่ใกล้กับท่าเทียบเรืออ่าวนิด มีกาแฟหอมกรุ่นให้จิบ พร้อมเค้กอร่อยๆ ก็ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น หน้าร้านมีที่จอดที่เก็บจักรยานด้วย
เกาะหมากเป็นต้นแบบ Low Carbon Destination ซึ่งทำกันมา 5 ปีแล้ว โดยหวังว่าจะเป็นการลดการใช้พลังงาน เป็นการเที่ยวแบบไม่ซ้ำเติมธรรมชาติ และทำให้ธรรมชาติของเรายั่งยืน ให้ลูกให้หลานได้ใช้ต่อไปนานๆ
ไปดูกันครับว่า 12 จุดถ่ายรูปที่เกาะหมาก มีจุดไหนบ้าง
จุดที่1 เกาะหมาก ซินนาม่อน อาร์ต รีสอร์ต แอนด์ สปา
ผมนั่งสปีดโบ๊ทจากแหลมงอบ ถึงเกาะหมาก ขึ้นเกาะที่ท่าเทียบเรืออ่าวนิด
จากนั้นก็นั่งรถกระบะต่อไปยังรีสอร์ทที่พักก่อนเลย นั่นคือ เกาะหมาก ซินนาม่อน อาร์ต รีสอร์ท แอนด์ สปา ( Kohmak Cinnamon Art Resort And Spa) ใช้เวลานานนิดนึงกว่าจะถึงรีสอร์ท เพราะอยู่ไกลจากท่าเรืออ่าวนิดพอสมควร
รีสอร์ทนี้มีจุดถ่ายภาพมากมาย สวยๆ อาร์ตๆทั้งนั้น
โดยเฉพาะสะพานสู่ฝัน ซึ่งเปรียบเหมือนเป็นแลนมาร์คของรีสอร์ท
บ้านพักก็ออกแบบได้สวยเก๋ทีเดียว
จุดที่ 2 เกาะหมาก โคโค่เคป รีสอร์ท
โคโค่เคป เป็นรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงของเกาะหมาก อยู่ที่อ่าวสวนใหญ่ มีสระว่ายน้ำวิวสวยๆ มีบ้านพักริมทะเลรับลมเต็มๆ และที่นี่ให้บริการเล่นเรือใบด้วยนะครับ
จุดเด่นของที่นี่คือ สะพานนี่แหละครับ ผมได้มาถ่ายภาพพระอาทิตย์ตก เกือบมาไม่ทันไข่แดง วันนั้นไข่แดงสวยมากๆ สีสันสวยงามจริงๆ เปลี่ยนเลนส์เป็น 70-200 แทบไม่ทัน เกือบไม่ได้ไข่แดงใบโตๆ
หลังพระอาทิตย์ลับขอบน้ำ ก็ได้เวลาแสงทไวไลท์ ซึ่งตรงปลายสะพานมีบาร์เล็กๆชื่อ Blue Pearl Bar ให้นั่งดื่ม เป็นบรรยากาศที่วิเศษจริงๆ
แหลมสนอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของเกาะหมาก เป็นจุดถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นครับ
ที่นี่มองเห็นเกาะกระดาดอยู่ไม่ไกล
เช้านี้พวกเราได้เห็นไข่แดงด้วย ท้องฟ้าสีสวยดีเหมือนกันครับ
หาอะไรมาเป็นพร๊อพหน่อย กิ่งสนนี่แหละครับ พอได้อยู่
สายหน่อย แสงเริ่มเยอะครับ
จุดที่ 4 แหลมตุ๊กตา
จุดนี้เป็นโขดหินแปลกตา สีดำบ้างแดงบ้าง ต้องเดินลัดเลาะไปตามหาด
และถ้าจะถ่ายรูปกับโขดหินสวยๆก็ต้องปีนป่ายกันหน่อย ผมเห็นท่าไม่ดี เลยปล่อยให้วัยรุ่นเค้าปีนต่อ ผมขอถ่ายแค่นี้ดีกว่า อิอิ
จุดที่ 5 ไทยดาโฮ วิสต้า รีสอร์ท
ช่วงนี้ต้องวิ่งแข่งกับแสงครับ ออกจากแหลมตุ๊กตา ก็ได้เวลาแสงทไวไลท์เย็น ต้องรีบบึ่งกันแล้วครับ เพราะกลัวไม่ทันแสง ผมแยกตัวมาถ่ายที่ ไทยดาโฮ วิสต้ารีสอร์ท ซึ่งอยู่บนเขาสูง วิวด้านล่างสวยเอาการ จริงๆวันนั้นรีสอร์ทปิด ร้านอาหารก็ปิด แต่ก็อนุญาตให้เราเข้าไปถ่ายภาพได้ แถมยังให้น้ำดื่ม 1 แก้ว( เกินครึ่งแก้วมาหน่อยนึง ) ผมรีบดื่มอย่างกระหาย อร่อย เย็นชื่นใจจริงๆ แอบบ่นในใจนิดหน่อยว่า น่าจะรินมาให้เต็มแก้วนะครับ อิอิ ฝากขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ด้านล่างนั้นคือ โคโค่เคป รีสอร์ท ที่ผมไปถ่ายพระอาทิตย์และแสงทไวไลท์ตอนเย็นเมื่อวาน ใบนี้ต้องใช้เลนส์เทเล 70-200 ยิง ได้มาแค่นี้ครับ อ้อ ด้านหลังที่เห็นเป็นเกาะ นั่นคือเกาะขาม สวยมากครับ เสียดายผมไม่ได้ไปถ่ายรูป
จุดที่ 6 ซีวาน่า บีช รีสอร์ท เกาะหมาก อ่าวสวนใหญ่
ออกจากไทยดาโฮ ก็ต้องโกยแน่บอีกครับ มาที่ ซีวาน่า บีช รีสอร์ท เกาะหมาก อยู่ที่อ่าวสวนใหญ่ ได้แสงทไวไลท์งามๆ มาแบบฉิวเฉียดกันเลยทีเดียว เชียว!!
ยังมีจุดถ่ายภาพอีก 6 จุด แต่จะรีวิวให้ดูในตอนต่อไป คอยติดตามกันนะครับ
เที่ยวคาร์บอนต่ำ ธรรมชาติยั่งยืน เมืองไทยยั่งยืน
ชายคาตะวัน :โดดเดี่ยวเที่ยวทั่วไทย