เมื่อเดือนที่ผ่านมา ผมขับรถคู่ใจ จากบ้าน ย่านบางบัวทอง ขึ้นเที่ยวเมืองเหนือตอนหน้าฝน โดยมีจุดหมายหลักๆ คือ เที่ยวแพร่ กับเที่ยวน่าน 2ใน4 จังหวัดของกลุ่มล้านนาตะวันออก ( เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน )
จะว่าไปแล้ว แพร่ น่าน ห่างจากกรุงเทพฯไม่ใช่ใกล้เลยครับ แต่ครั้งนี้ผมอยากจะดื่มด่ำการเดินทางแบบจริงจัง ขับรถแบบไม่รีบ ชิวๆ ฟินๆ แวะถ่ายภาพข้างทางเมื่อเจอบรรยากาศดีๆ
ผมว่าถ้าเรารีบร้อนในการเดินทาง เราก็ไม่ได้เข้าถึงการเดินทางที่แท้จริง
ขับเรื่อยๆครับ ใช้ทางหลวงสายเอเชีย แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนหมายเลข 11 ที่อินทร์บุรี ขับยาวไปผ่านอ.วังทอง จ.พิษณุโลก แล้วต่อ จนถึงอ.เด่นชัย จ.แพร่ ซึ่งเป็นประตู่สู่เมืองแพร่
จากนั้นแวะไหว้พระที่วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี ซึ่งอยู่ที่ต.ไทรย้อย อ.เด่นชัย มีพระนอนองค์ใหญ่ สวยเด่นมาก
วัดพระธาตุสุโทน สวยเด่นในแบบสถาปัตยกรรมล้านนาแบบผสมผสาน ซึ่งหลวงพ่อมนตรี เจ้าอาวาสได้จำลองมาจากวัดต่างๆทางภาคเหนือ และจาก ลาว พม่า และจีน เป็นสุดยอดพุทธศิลป์ที่งดงามอย่างยิ่ง
แล้วต่อด้วยชุมชนบ้านไทรย้อย ของ.อ.เด่นชัย เป็นแหล่งรวมตัวกันของชาวบ้าน มีผลิตภัณฑ์ชุมชนจำหน่าย
แล้วก็มีโฮมสเตย์ราคาไม่แพงให้นอนพัก ราคาต่อหัวแค่ 300 บาท ห้องมีแอร์ด้วย บรรยากาศนาข้าว ราคานี้แถมข้าวต้มกับกาแฟตอนเช้าด้วยครับ ติดต่อห้องพักที่คุณศรีนวล ก๊กไม้ 087 173 1417 และ 099 2733495
หลังจากนั้นก็ตรงดิ่งเข้าเมืองแพร่ ตอนแรกจะแวะกราบพระธาตุช่อแฮก่อน แต่เนื่องจากผมต้องการวิวเมืองแพร่มุมสูงในช่วงทไวไลท์ ซึ่งต้องรีบขึ้นไปที่พระธาตุดอยเล็ง ที่เลยพระธาตุช่อแฮไปไม่ไกลนัก
ทางขึ้นค่อนข้างชัน และก็กำลังจะมืดด้วยครับ ผมถ่ายภาพอยู่บนนี้คนเดียว ทั้งเหงา ทั้งฟิน อิอิ
ก็ต้องขอขอบคุณทางวัดด้วยครับ ที่เปิดไฟที่องค์พระธาตุและบริเวณวัด ทำให้การชมวิวเมืองแพร่ และการถ่ายภาพของผมเป็นไปอย่างราบรื่น
ส่วนนี่คือห้องพักครับ บ้านสวนริมน้ำรีสอร์ท
ราคาคืนละ500 บาท นอนได้ 2 คน มีครบครับ แอร์ ทีวี ตู้เย็น น้ำอุ่น อยู่ทางขึ้นพระธาตุดอยเล็ง ติดต่อจองห้องและสอบถามเพิ่มเติมที่คุณอำไพ 080 8596066
เช้าวันใหม่ ผมรีบไปไหว้พระที่วัดพระธาตุช่อแฮ พระธาตุที่ทุกคนต้องมากราบไว้เมื่อมาเมืองแพร่ แสงเช้านี้สวยมากครับ ได้ภาพองค์พระธาตุแสงทไวไลท์สมใจ
จากนั้นก็รีบขับขึ้นพระธาตุดอยเล็ง ลุ้นทะเลหมอกยามเช้า
แรกๆหมอกก็ฟุ้งกระจาย มีฝนตกลงมาด้วยครับ ได้ภาพวัดพระธาตุช่อแฮ มุมสูงแซมสายหมอกด้วย งดงามจริงๆครับ
จุดชมวิวด้านนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกนะครับ
พอหมอกเริ่มบางลง เห็นวิวชัดขึ้น ผมก็มาชิวตรงจุดชมวิวอีกครั้ง จุดนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นครับ
หลังจากดื่มด่ำต้นไม้ กับภูเขา และหมอกจนอิ่มแล้ว ผมก็กลับลงไป จุดนี้แวะถ่ายภาพวัดพระธาตุช่อแฮ กับนาข้าวหน่อย
ส่วนใบนี้ก็ข้างทาง ใกล้ๆกัน
บ้านนาคูหา จ.แพร่ แหล่งโอโซนอันดับ 7 ของประเทศ
หลังจากขึ้นไปลุ้นทะเลหมอกบนพระธาตุดอยเล็งแล้ว ผมก็บึ่งไปที่ บ้านนาคูหา หมู่บ้านในหุบเขา แหล่งโอโซนอันดับ7 ของประเทศ แหล่งเรียนรู้เชิงนิเวศน์ มีการปลูกต้นห้อมไว้สำหรับย้อมผ้า มีบ่อเตา สาหร่ายน้ำจืดธรรมชาติ ที่นำมาทำอาหารได้สารพัด นอกจากนี้ยังมีวิถีเกษตรให้ได้เรียนรู้อีกมากมาย
การเดินทางมาที่บ้าน นาคูหา
จากเมืองแพร่ ใช้ถนนหมายเลข 1101 ออกจากตัวเมืองถึงบ้านบ้านป่าแดง เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนหมายเลข 1024 ขับอีกราวๆ 20 กิโล ถนนสวยมาก ขับสบาย ไหล่ทางอาจจะแคบไปนิด แต่ก็ไม่ค่อยมีรถ
ก่อนถึงบ้านคูหา เราจะถึงวัดพระธาตุอินทร์แขวน (จำลองก่อน ) อยู่บนเขา เด่นมาแต่ใกล จอดรถถ่ายซะหน่อย
พระธาตุอินทร์แขวนจำลอง เป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนเกิดปีจอ ซึ่งคนเกิดปีจอน่าจะหาโอกาสไปนมัสการสักครั้งในชีวิต
หลังจากนั้นขับอีกแป๊บเดียวก็เริ่มเข้าหมู่บ้านนาคูหา จะเจอกับร้านค้าก่อนตรงก่อนถึงสะพาน มีของขายมากมาย ทั้งผักและผลไม้ มีบ่อเตาให้ชม ที่ชวนชิมมากกที่สุดคือ ข้าวเกรียบเตา ถุงละ10 บาท 6 ถุง 50 บาท 12 ถุง 100 ซื้อติดรถไว้ กินเพลินๆครับ
ส่วนนี่คือข้าวเกรียบเตาที่ยังไม่ทอด
เข้าบ้านพักก่อน หลังนี้ครับ เป็นบ้านของน้องน้ำฝน ซึ่งให้คุณแม่มาต้อนรับผม เพราะน้องไปขายผลไม้ของในตัวเมือง กลับตอนค่ำๆ
ส่วนนี่คือน้องน้ำฝน เจ้าของบ้าน กับแฟนและลูกชาย (ถ่ายวันกลับครับ ) ติดต่อพักโฮมสเตย์บ้านน้องน้ำฝนได้ที่เบอร์ 0847229008
เก็บข้าวของเสร็จสรรพ ผมไม่พลาดที่จะไปชมจุดที่สำคัญของบ้านนาคูหา ก็คือ วัดนาคูหาครับ ไหว้พระเสร็จก็เดินชิวๆถ่ายภาพครับ
ตอนนี้นาข้าวกำลังเขียวสวย ต้องลมปลิวไสวกันเลย ผมเดินเพลินๆตามทุ่งนาขั้นบันไดที่ไม่ชันมาก
มีพระเจ้าต๋นหลวง องค์ใหญ่มาก สวยเด่นเป็นสง่า อยู่ท่ามกลางนาข้าว
วันนี้มีน้องๆหลายคัน แวะมาที่วัด
แล้วก็นี่คือเจ้าภาพประจำวัด คอยต้อนรับ น่ารักมาก
ขับออกมาจากวัด หามุมสูงถ่ายภาพ ออกจากวัดมาถึงถนนใหญ่ ให้เลี้ยวขวามาครับ ไม่ไกล จะเจอจุดที่มองไปยังด้านล่างได้อย่างชัดเจน
พระอาทิตย์กำลังจะลับเหลี่ยมเขา ชาวบ้านกำลังกลับบ้านหลังเสร็จภาระกิจการงาน ผมก็เช่นกัน
ค่ำแล้ว ผมกลับเข้าไปนอนที่บ้านครับ ได้ทานข้าวกับเจ้าของบ้าน มันเป็นความรู้สึกที่ดีอีกแบบของผม เป็นครั้งแรกของผมครับที่นอนโฮมสเตย์แบบจริงๆ คืนนี้ดึกๆมีฝนตก ผมนอนฟังเสียงฝนหล่นกระทบหลังคาอยางสุขใจ อากาศเย็นสบาย หมดสิทธิ์ที่จะไปถ่ายดาว ถ่ายช้างกันล่ะคืนนี้
ตื่นเช้าผมไปลุ้นแสงสวยๆที่วัดครับ บรรยากาศยามเช้าที่วัดอากาศเย็นสบาย มีหมอกขนาดย่อมให้ได้ชื่นชม แสงค่อยๆแรงขึ้น หมอกก็ค่อยๆเริงร่า ผมต้องคอยสังเกตุความเปลี่ยนแปลงของแสงและหมอกอยู่ตลอด
เช้านี้ถือว่าได้ภาพเป็นที่น่าพอใจ ต้นข้าวกับแสงสวยๆ มีองค์พระเจ้าต๋นหลวงองค์ใหญ่เป็นจุดเด่น
หลังจากนั้นก็กลับเข้าบ้าน เตรียมตัวขึ้นเขา ไปเข้าถ้ำครับ แต่ผมจะมาเล่าเรื่องเข้าถ้ำในโอกาสต่อไป
ลงจากเขาแล้ว ก็ได้เวลาอำลาบ้านนาคูหา หลังจากออกจากบ้าน ผมมาแวะถ่ายรูปการเก็บเตาจากบ่อ
ใกล้ๆกันมีต้นห้อม เลยเก็บภาพมาให้ดูกันครับ ไม่ค่อยได้เห็นนัก
แล้วก็แวะจุดร้านขายของอีกครั้ง ซื้อของเล็กๆน้อยๆติดรถ
แล้วก็ได้เวลาอำลา นาคูหา จริงๆซะที ในใจหวังว่าจะได้กลับมาอีก
เที่ยวไปยิ้มไป เมืองไทยของเรา
จากใจ..ชายคาตะวัน