สวัสดีครับทุกคน ลมหนาวพัดมาทีไร ผมเชื่อว่าหลายๆคน รวมถึงผมด้วยมักจะคิดถึงภูเขาสูง คิดถึงดอยต่างๆ ทริปนี้ผมจึงอยากชวนเพื่อนๆขึ้นไปสัมผัสลมหนาว สัมผัสธรรมชาติกันครับ ออกไปปล่อยใจให้ว่างให้ธรรมชาติได้เยียวยาเราบ้าง และที่ที่ผมมักจะนึกถึงเสมอตอนหน้าหนาวก็คือ ที่เที่ยวที่สูงซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริต่างๆ ซึ่งมีอยู่มากมายที่ในหลวงของเราได้ดำริจัดตั้งขึ้นมา
ใจจริงอยากไปหลายๆที่ครับ ไปตามรอยพระบาท แต่ด้วยเวลาที่จำกัด และโครงการของพระองค์มีมากมายเหลือเกิน คงต้องค่อยๆตามรอยครับ
สำหรับทริปนี้ผมขับรถขึ้นเหนือ จุดหมายอยู่ที่จังหวัดเชียงราย ถึงระยะทางจะไกล แต่ความหนาวเย็นและความสวยงามของดอย รอผมอยู่ ทำให้ไม่รู้สึกไกลเลยครับ
ผมออกจากเมืองกรุงตอนเช้ามืด ตี 5 ขับรถชิวๆเรื่อยๆครับ ไม่รีบร้อนอะไร แบบนี้ผมว่าดีครับ ชมวิวสองข้างทางไปด้วย เจออะไรสวยๆก็แวะจอดถ่ายรูปครับ
ทริปนี้ก่อนเข้าเชียงราย ผมแวะกางเต็นท์นอนกอดหมอกที่ภูลังการีสอร์ท อ.ปง จ.พะเยา 1 คืน ได้ทะเลหมอกงามสมใจครับ
วัดร่องเสือเต้น จ.เชียงราย
ออกจากภูลังการีสอร์ทตอนสายๆครับ แวะถ่ายรูปไปเรื่อย กว่าจะถึงเชียงรายก็บ่ายแก่แล้ว หาโรงแรมนอนก่อน แล้วจึงไปถ่ายรูปที่วัดร่องเสือเต้น วัดร่องเสือเต้น เป็นผลงานของ สล่านก หรือนายพุทธา กาบแก้ว เป็นศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย ศิษย์อาจารย์เฉลิมชัย โฆสิตพิพัฒน์ ผู้สร้างตำนานวัดร่องขุ่น ที่สวยงามและโด่งดังไปทั่วโลก
ศิลปะที่ใช้ก่อสร้างวัดร่องเสือเต้นเรียกว่าเป็นศิลปะประยุกต์ ซึ่งลวดลายต่างๆ ที่พลิ้วไหว สล่านกเรียนรู้มาจากอาจารย์เฉลิมชัย แต่อ.เฉลิมชัยใช้โทนสีขาว และมีใช้กระจกด้วย แต่วัดร่องเสือเต้นดัดแปลงมาใช้สีน้ำเงิน-ฟ้าแทน นอกจากนี้บางจุดยังใช้การประยุกต์ให้เป็นเอกลักษณ์ เช่นฟันพญานาค ประยุกต์นำมาจากผลงานของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ซึ่งอาจารย์ถวัลย์ โดดเด่นเรื่องเขา และงาที่โค้งงองดงาม
พระพุทธรูปปางห้ามญาติ
ประดิษฐานอยู่ด้านหลังวิหาร งดงามเช่นกัน จุดนี้มีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปเยอะเหมือนกันครับ ต้องรอจังหวะ รอไปรอมา ฟ้าเริ่มจะมืดเกินไปแล้วครับ
เจดีย์พระธาตุเจ้าจุฬามณี
อยู่บริเวณด้านหลังวิหารวัดร่องเสือเต้น ถ่ายรูปคู่กับวิหารแล้ว สวยงามทีเดียวครับ
ที่ยอดขององค์พระธาตุได้บรรจุพระบรมสาริกธาตุ จากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงฆปรินายก เป็นอีกจุดหนึ่งที่ใครมาเยือนไม่ควรพลาดที่ต้องมาสักการะพระธาตุแห่งนี้
พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ
ด้านในวิหารจะพบกับศิลปะ ลวดลายที่สวยงาม และพระประธานสีขาวมุก ชื่อว่า “พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ” หน้าตักกว้าง 5 เมตร สูง 6.5 เมตร ซึ่งมีพระรอดลำพูน จำนวน 88,000 องค์ และแก้วแหวนเงินทองมากมายฝังอยู่ใต้พระประทานองค์นี้
ที่พระเศียรได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้รับพระราชทานจาก สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก และได้รับพระราชทานนามพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ มีหมายความว่า “พระพุทธเจ้าทรงเป็นมงคล เจ้าในความเป็นราชา เป็นที่พึ่งในสามโลก”
วันที่ 2 มุ่งหน้าดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง
ผมได้ยินชื่อดอยตุงมานาน ยังไม่เคยได้มาเที่ยว ครั้งนี้เป็นครั้งแรก กะไว้ว่าจะขึ้นไปชมโครงการของสมเด็จย่า และนอนกางเต็นท์รับลมหนาวให้ฉ่ำปอด เส้นทางขึ้นดอยตุงก็ไม่ยากครับ มีป้ายบอกชัดเจน จากเชียงรายใช้ทางหลวงหมายเลข1 ถึงอ.แม่จัน เลี้ยวซ้ายขึ้นดอยตุงได้เลยครับ ถนนดีมาก มีไหล่ทางกว้างขับสบาย
ดอยตุง อยู่ในเขตอ.แม่ฟ้าหลวง บริเวณเทือกเขานางนอน เขตป่าสงวนแห่งชาติเชียงรายและอยู่ใจกลางสามเหลี่ยมทองคำ เป็นที่อยู่ของชาวไทยภูเขาหลายเผ่า และมีความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น ไม่มีสาธารณูปโภค ส่วนใหญ่ก็เลยไปทำอาชีพปลูกฝิ่น ซึ่งก็เป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจ
ในปี2530 สมเด็จย่าได้เสด็จมาที่ดอยตุง และทรงเล็งเห็นปัญหาในเรื่องนี้ และต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมให้คนอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างมีสำนึกและพึ่งพาอาศัยกันอย่างยั่งยืน สมเด็จย่า จึงทรงมีพระราชดำริจัดตั้งโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริในปี 2531 เป็นการนำผืนป่าคืนสู่ดอย พร้อมกับฟื้นฟูดอยตุงในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจอย่างอื่นแทนฝิ่น ซึ่งก็จะทำให้ชาวไทยภูเขาสามารถเลี้ยงตนเองได้และอยู่กับป่าได้อย่างยั่งยืน
ผมขับรถขึ้นดอยตุงแบบช้าๆเรื่อยๆครับ ไม่นานก็ถึงจุดชมวิวกม.12 ตรงนี้วิวสวยดี มีของขายมากมายโดยชาวเขา มีร้านกาแฟ และของที่ระลึก
รูปนี้ที่เห็นด้านบนเขามีหมู่บ้านชาวเขา ชื่อหมู่บ้าน อาข่าป่ากล้วย เสียดายที่ผมไม่ได้ขึ้นไปชม ข้างบนนั้นมีลานกางเต็นท์ มีโฮมสเตย์ด้วย
ตรงนี้เป็นร้านกาแฟ วิวสวยเชียว นั่งจิบกาแฟพร้อมดื่มด่ำธรรมชาติป่าเขา คงฟินไม่น้อย
ใกล้ๆกันมีลานกางเต็นท์ แต่ก่อนจะกางเต็นท์ผมขับรถขึ้นไปไหว้พระธาตุดอยตุงก่อน ถนนขึ้นพระธาตุดอยตุงขับสบายๆ มี 2 ทางให้เลือก ทั้งสายเก่า และสายใหม่ สายเก่าจะใกล้กว่า แต่จะชันมากกว่าครับ
พระธาตุดอยตุง เป็นพระธาตุที่มีชื่อเสียงมาก ของจังหวัดเชียงรายและเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ประจำของคนเกิดปีกุน มีความเก่าแก่ สวยงาม
อยู่บนยอดเขาที่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางราว 2,000 เมตร
พระธาตุดอยตุงมีลักษณะ เป็นเจดีย์สีทองอร่ามสวยงาม 2องค์คู่กัน
หลังไหว้พระธาตุ ถ่ายรูปเสร็จก็กลับลงมากางเต็นท์ ที่จุดชมวิวซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมาก ผมกางเต็นท์นอนที่ลานใกล้กับจุดชมวิวกม.12 ที่นี่ทางอบต.เค้าได้ปรับพื้นที่ไว้สำหรับกางเต็นท์ นัก่องเที่ยวสามารถมากางเต็นท์ได้ฟรี ซึ่งมีห้องน้ำบริการอยู่ที่จุดชมวิว ค่าบำรุงห้องน้ำคนละ 5 บาท อาจจะเดินไกลซักนิด
อากาศบนดอยตุงหนาวครับ แต่ไม่ถึงกับหนาวมาก มีนักท่องเที่ยวมากางเต็นท์เป็นเพื่อนๆราวๆ10กว่าเต็นท์ได้ ผมว่ากำลังดีครับ ไม่หนาแน่นจนเกินไป
ตกดึกผมออกมาเดินเล่น ถ่ายดาว คืนนี้พระจันทร์สว่างมาก ได้ดาวมาไม่เยอะครับ แต่บรรยากาศนี่สุดยอด ไม่หนาวมาก
เช้าตื่นมาถ่ายอีกครับ แอบบลุ้นทะเลหมอกอยู่เล็กๆเหมือนกัน บรรยากาศยามเช้าไม่อยากบรรยายเลยครับ มันฟินมาก คนน้อยๆ ชิวๆ ไม่ต้องแย่งกันถ่ายรูป
จุดชมมวิวก็สวย เห็นทะเลหมอกอยู่ไกลๆริบๆโน่นครับ บริเวณใกล้จุดชมวิวไม่มีหมอกครับ แต่ก็ได้พระอาทิตย์ขึ้น ฟ้าสวยๆมาแทนครับ
หลังจากพระอาทิตย์ขึ้นก็มีนักท่องเที่ยวเริ่มแวะมาชมวิวมากขึ้น
วันนี้ฟ้าใสมาก สีสวยทีเดียว เห็นแล้วสบายตาครับ
สวนแม่ฟ้าหลวง
สายๆ ผมเก็บเต็นท์ ขับต่อไปชมสวนแม่ฟ้าหลวง ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับพระตำหนัก มีที่จอดรถมากมาย ถ้ามาวันหยุดควรจะจอดรถก่อนเลย เพราะถ้าเข้าไปด้านในใกล้ๆ อาจจะไม่มีที่จอด ต้องขับย้อนกลับมาหาที่จอด
จอดรถแล้วก็เดินเข้ามา
ที่นี่มีรถม่วงให้บริการรับส่ง ใกล้ไกลไปหมดครับ
นี่รถกอล์ฟให้เช่า ชั่วโมงละ 1 พันบาท
วันนี้ผมซื้อบัตรเข้าชมเฉพาะสวน ราคาบัตร90บาท
ได้บัตรแล้วเดินเข้าไปชมสวนครับ เป็นครั้งแรกของผมที่ได้มาเที่ยวชมความงดงามของสวนแม่ฟ้าหลวง หลังจากผ่านที่ตรวจตั๋วเดินมาตามทาง จะพบกับภาพวาดของสมเด็จย่า และในหลวงของเรา พร้อมมีดอกไม้สวยๆเรียงรายอยู่โดยรอบ
ภาพวาดในหลวง และสมเด็จย่าประดับอยู่ตามทางเดิน
สวนแม่ฟ้าหลวง อยู่ด้านหน้าพระตำหนักดอยตุง มีเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ เดินเมื่อยเหมือนกันครับ
ตรงนี้เป็นทางเข้าเล่นเครื่องเล่นใหม่ที่กำลังฮิตกันเลย Tree Top Walk (มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ถ้าจะเข้าไปเล่น )
เป็นสวนดอกไม้เมืองหนาว อาทิ ดอกซัลเวีย กุหลาบ ดอกลำโพง พิทูเนีย บีโกเนีย ไม้มงคลต่าง ๆ ไม้ยืนต้นและซุ้มไม้เลี้อยอีกมากกว่า 70 ชนิด
และที่เป็นไฮไลท์ก็คือ รูปปั้นต่อเนื่อง ฝีมือของคุณมีเซียม ยิบอินซอย
ยังคงเดินต่อไปครับ ชมความงามของสวนไปเรื่อยๆ
ตรงนี้น่านั่งแฮะ เดินเหนื่อยแล้ว นั่งพักบ้างก็ดีครับ อิอิ
แสงเงากำลังทำงาน สวยเชียว น่าเก็บภาพไว้
สวนแม่ฟ้าหลวง เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.30-18.00 น.
ออกมาด้านนอกครับ ย้อนกลับไปทางที่รถจอด
ก่อนกลับ ก็แวะกาดดอยตุง ซื้อของเป็นผลผลิตของชาวเขาติดมือกลับบ้าน
หลังชมสวนแม่ฟ้าหลวงและได้ซึมซับโครงการที่สมเด็จย่าทรงช่วยชาวเขาให้ดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืนแล้ว จากนั้นผมก็ได้ไปเยี่ยมเพื่อนที่อ.แม่สาย ซึ่งก่อนจะถึงบ้าน เพื่อนได้แนะนำว่า มีโรงเรียนหนึ่งที่อยู่ก่อนถึงแม่สาย เค้ามีโครงการที่ให้เด็กนักเรียนนำเอาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ร.9 มาใช้ โดยสอนให้ให้น้องๆรู้จักปลูกพืชผัก เลี้ยงสัตว์ใว้กินเองภายในโรงเรียน และส่วนหนึ่งที่เหลือก็นำมาขายเพื่อนำเงินมาหมุนเวียน ซึ่งผมมองว่าน่าสนใจมากจึงแวะเข้าไปชม
บรรยากาศทางเข้าไปยังโรงเรียนก็สวยงามครับ
โรงเรียนนี้ชื่อ โรงเรียนบ้านสันโค้ง อยู่ที่ ต.ศรีเมืองชุม อ.แม่สาย จ.เชียงราย
เห็นเด็กๆเล่นกันในโรงเรียน ทำให้คิดถึงตอนเป็นเด็กๆ อยากย้อนเวลาได้จัง อิอิ
โครงการที่น้อมนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ร.9 มาสอนให้กับเด็กๆ มีชื่อโครงการว่า 100 โรงเรียนเกษตรพอเพียง ผมพึ่งทราบว่าเป็นโครงการที่ ต๊อด ปิติ ภิรมย์ภักดี แห่งค่ายสิงห์เป็นผู้สนับสนุนโครงการนี้
100 โรงเรียนเกษตรพอเพียง เป็นโครงการที่สอนให้เด็กๆได้พึ่งพาตัวเอง เช่นการเลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ปลูกผักปลอดสารพิษ การเพาะเห็ด ได้มีวัตถุดิบมาปรุงอาหารกลางวันกินกันในโรงเรียน เหลือก็ไปขายที่ตลาด หรือครอบครัวใดจะซื้อไปทานที่บ้านก็ได้ ก็จะได้ซื้อของในราคาถูกกว่าท้องตลาด ซึ่งทางโรงรียนก็จะได้เงินมาเป็นทุนใช้จ่าย เป็นการเรียนรู้ที่ยั่งยืน สอนทั้งเรื่องการผลิตและการตลาดให้กับเด็กๆ นอกจากนี้ยังเป็นการฝึกฝนการทำงานร่วมกันของเด็กๆอีกด้วย
ครูในโรงเรียน เล่าให้ฟังว่าเดิมโรงเรียนมีโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่ออาหารกลางวันอยู่แล้ว ซึ่งมีการเลี้ยงปลาในกระชัง ปลูกผักสวนครัว ต่อมาทางสิงห์ได้เข้ามาช่วยเรื่องงบประมาณ และได้เพิ่มการเลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงปลาดุก ปลูกผักพื้นบ้าน การเพาะเห็ดนางฟ้า ฯลฯ
นอกจากครูในโรงเรียนแล้ว ยังมีปราชญ์ชาวบ้านคุณพรรณพิมล ปันคำ จากศูนย์ปราชญ์เกษตรยั่งยืน ต.ศรีเมืองชุม อ.แม่สาย มาช่วยสอนเด็กๆอีกด้วยอย่างวันนี้ที่ผมไปได้เจอคุณพรรณพิมล กำลังสอนเกี่ยวกับการปลูกผัก ตั้งแต่เรื่องการเตรียมดิน เตรียมเมล็ดพันธุ์ เพาะเมล็ดพันธุ์ การหว่าน การดูแล รดน้ำ
แปลงผักปลอดสารพิษ เด็กๆจะใส่ผ้าพันคอสีเขียว ก็จะปลูกพวกผักพื้นบ้าน อย่างพวกกระหล่ำปลี โหระพา ผักกาดหอม ผักกาดแก้ว ฯลฯ เป็นการปลูกผักแบบปลอดสารพิษ
เด็กๆดูสนุกสนานกับการมาดูแลแปลงผักมาก
มาที่การเลี้ยงปลาดุกบ้าง การเลี้ยงปลาดุกมี2แบบ คือเลี้ยงในกระชัง กับเลี้ยงในบ่อคอนกรีต โรงเรียนบ้านสันโค้งจะเลี้ยงทั้ง 2 แบบ ซึ่งการเลี้ยงในกระชังข้อดีคือปลาโตเร็ว และไม่ต้องเปลี่ยนน้ำเหมือนเลี้ยงในบ่อคอนกรีต เด็กๆจะถูกแบ่งให้ดูแลแต่ละอย่าง โดยดูที่ผ้าพันคอของเด็กๆ อย่างเลี้ยงปลาดุกก็สีแดง
ส่วนการเพาะเห็ดนางฟ้า เด็กใส่ผ้าพันคอสีเหลืองครับ ซึ่งการเพาะอยู่ในโรงเรือนมิดชิด เห็ดไม่ชอบลม เพราะดอกเห็ดจะแห้ง เด็กๆก็จะทำหน้าที่มารดน้ำ เพื่อรักษาอุณภูมิของเห็ด ให้ได้เติบโตอย่างมีคุณภาพ
สำหรับการเลี้ยงไก่ เด็กๆใส่ผ้าพันคอสีเหลือง มาดูแลไก่ เก็บไข่ไปปรุงอาหาร และนำไปขาย
หลังถ่ายรูปกิจกรรมของน้องๆแล้ว ผมก็เดินทางต่อ เป้าหมายคือทะเลหมอกบน ภูชี้ฟ้า ผมใช้เส้นทางหมาเลข1 เข้าเชียงรายก่อน จากนั้นก็ขึ้นภูชีฟ้าทางด้าน อ.เทิง
เส้นทางนี้ผมว่าไม่ชันมาก ขับแบบไม่เครียด มีป้ายบอกทางเรื่อยๆ
แรกๆก็ฟ้าใสนะครับ แต่สลับกับฟ้าหม่นเหมือนฝนจะตก
ขับไปถ่ายรูปไปครับ แวะชิวๆไปเรื่อยๆ
แวะไร่สตอเบอรรี่หน่อย วิวสวย แต่ฟ้าขาววอกเลย สตอเบอรรี่กำลังออกผล แต่ยังไม่เยอะนัก เจ้าของบอกว่าเพิ่งเก็บขายไปชุดใหญ่แล้ว
ผมถึงที่หมายใกล้ค่ำ กางเต็นท์นอนที่ ลานกางเต็นท์ กู๊ดวิว แอท ภูชี้ฟ้า ซึ่งวิวสวยสุดยอด ค่าเช่าพื้นที่กางเต็นท์เพียง 100 บาทต่อหัว
คำนี้แสงทไวไลท์สวยมาก เต็นท์มีหลากสีสวยงาม
พรุ้่งนี้ต้องตื่นตี4 เพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิวภูชี้ฟ้า ด้วยความหวังแค่เล็กๆว่าจะเจอทะเลหมอกสวยๆบ้าง เพราะเมื่อวานฟ้าไม่ใส ลมก็แรงมาก โอกาสเจอทะเลหมอกก็จะน้อย ผมใช้บริการรถกระบะของชาวบ้านครับจากลานกางเต็นท์ขึ้นถึงจุดจอดรถ ค่ารถขึ้น30บาท ลง30 บาท
ถึงจุดจอดรถต้องเดินเท้าขึ้นอีกประมาณ700 กว่าเมตร ความหวังริบหลี่ครับ เพราะหมอกฟุ้งกระจายไปทั่ว มองแทบไม่เห็นอะไร
นักท่องเที่ยวร่วมชะตากรรมเดียวกันต่างเฝ้ารอด้วยความหวังว่า ฟ้าจะเปิดเห็นทะเลหมอกบ้าง
แต่ที่สุด ทะเลหมอก ก็ไม่มาตามนัด มีแต่หมอกฟุ้งๆมิ้งๆ กระจายไปทั่ว
ครั้งนี้ครั้งที่3แล้ว ยังไม่เจอทะเลหมอกกับพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆเลย
ผมคงต้องมาอีกซินะ… ภูชี้ฟ้า
.
.
เที่ยวไปยิ้มไป เมืองไทยของเรา
จากใจ ..ชายคาตะวัน