chaicatawan

พักผ่อน นอนหรู แนบเขา ติดน้ำ The Reverie By Katathani เชียงราย

เที่ยวเชียงราย นอน The Riverie โรงแรมหรู วิวสวย ริมแม่น้ำกก The Reverie By Katathani เชียงราย

 
ยามเมื่อลมหนาวพัดมา หัวใจชายชราอย่างลุงชายคา ก็เริ่มกระปรี้กระเปร่า แพ็คกระเป๋า แบกเป้ เซมาตามแรงของลมหนาว ครั้งนี้พัดมาใกลถึงเมืองเจียงฮาย สุดชายแดนเลยเจ้า


 
ทริปหนาวเที่ยวเชียงรายปีนี้ ลุงเข้าพักที่ โรงแรม The Riverie By Katathani เชียงราย เป็นโรงแรมหรู 5 ดาวในเครือกะตะธานี ตั้งอยู่ในตัวเมืองเชียงราย ติดแม่น้ำกก บรรยากาศโดยรอบสวยงาม มองเห็นภูเขาและแมกไม้ ห้องพักเป็นตึกสูง10ชั้น ทำให้มองเห็นวิวสวยงาม สวยทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก เรียกว่ามาเที่ยวเชียงรายในตัวเมือง ก็ได้นอนพักติดเขา ริมแม่น้ำ โดยไม่ต้องออกไปดอยไหนใกลๆ


 

The Reverie By Katathani เชียงราย

เพจ https://www.facebook.com/theriverie โทร: 053 607 999
เว็บไซต์ www.theriverie.com


 
ทริปนี้ลุงชาย นอนที่The Riverie

 
เดอะริเวอร์รี มีห้องพัก 6 แบบ คือ
1. ห้องดีลักซ์ 2.ดีลักซ์ การ์เดน 3.ดีลักซ์ ริเวอร์ 4.แฟมมิลี่ สวีท 5. ริเวอร์รี สวีท 6. รอยัล สวีท


 
มีห้องอาหาร 3 ห้อง คือ The Peak Wine & Grill , Blossom และ China Garden

 
มีสระว่ายน้ำ พร้อมสไลเดอร์สำหรับเด็กๆ ฟิตเนส คิดคลับ สปา มินิมาร์ท


 
ลุงชายพักที่เดอะริเวอร์รี 3วัน 2 คืน สบายๆ ชิวๆ มีเวลาตระเวนเที่ยว ไหว้พระอีกหลายวัด เช่น อนุเสาวรีพ่อขุนเม็งราย วัดพระแก้ว วัดพระสิงห์ วัดร่องขุ่น วัดร่องเสือเต้น วัดก้วยปลากั้ง พิพิธภัณฑ์บ้านดำ หอนาฬิกา

 
ก่อนเข้าโรงแรม เราแวะเที่ยวกันก่อนครับ
อนุเสารีย์พ่อขุนเม็งราย
พ่อขุนเม็งรายมหาราช เป็นกษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์มังราย เป็นผู้สถาปนาเมืองเชียงรายเป็นราชธานี

 
บ้านดำ หรือพิพิธภัณฑ์บ้านดำ ของ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี
บ้านดำ อยู่ที่ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย สร้างโดย อ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ มีผลงานด้านศิลปะมากมาย ทั้งด้านภาพเขียนและด้านปฏิมากรรม

 
ที่นี่มีบ้านอยู่หลายหลังโดยบ้านจะทาสีดำ ซึ่งเป็นสีที่ อ.ถวัลย์ชอบ บ้านเหล่านี้ สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่แสดงผลงานและของสะสมของอาจารย์ถวัลย์ ตัวบ้านถูกประดับด้วยไม้แกะสลักลวดลายงดงาม รวมถึงพวกเขาสัตว์ต่าง เช่น เขาควาย เขากวาง รูปทรงแปลกตา ได้ชมแล้วก้ รูัได้ถึงความใส่ใจของศิลปินที่บรรจงสร้างสรรค์ศิลปะไว้ประดับโลก


 
หอนาฬิกา
หอนาฬิกานี้ตั้งอยู่ที่ ถนนบรรพปราการ ในตัวเมืองเชียงราย ศิลปะการก่อสร้างคล้ายกับวัดร่องขุ่น ใช้เวลาสร้าง 5 ปี และเปิดอย่างเป็นทางการ วันที่ 12 สิงหา 2551 เพื่อเฉลิมพระชนมพรรษาองค์พระราชินี

 
หอนาฬิกาแห่งนี้ เป็นงานพุทธศิลป์ ของจ.เชียงราย เป็นศิลปะที่แฝงด้วยกลิ่นอายพระพุทธศาสนา สวยงามมากเริ่มสร้างปี 2548 ออกแบบโดย อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์

 
วัดห้วยปลากั้ง
วัดห้วยปลากั้ง ตั้งอยู่บนเขา ในต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย วิวสวยมาก

 
เด่นด้วย พบโชคธรรมเจดีย์ สูง 9 ชั้น เป็นศิลปะจีนผสมล้านนา หลังคาสีแดง

 
ทางขึ้นมีมังกร 2 ตัวทอดยาว ล้อมรอบด้วยเจดีย์ เล็กๆ 12 ราศี ชาวบ้านเชื่อว่าหากได้มาวัดห้วยปลากั้ง จะเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์ ภายในเจดีย์ ประดิษฐานพระพุทธรูปและพระอรหันต์ต่างๆภายในเจดีย์เป็นที่ประดิษฐาน เจ้าแม่กวนอิมซึ่งแกะสลักจากไม้จันหอม

 
เดิมวัดห้วยปลากั้ง เป็นวัดร้างมาตั้งแต่โบราณ ไม่มีใครทราบประวัติที่แน่นอน ต่อมาพระอาจารย์พบโชค ติสสะวังโส ได้ทำการบูรณะและก่อสร้างเจดีย์ โบสถ์ และเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ขึ้น
โดดเด่นเห็นแต่ไกลกันเลย สามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงได้

 
วัดร่องขุ่น
เป็นวัดพลาดไม่ได้ เมื่อมาเชียงราย วัดร่องขุ่น มีชื่อเสียง โด่งดังระดับโลก อลังการงานสร้างจริงๆ ฝีมือของศิลปินล้านนาฝีมือดี อาจารย์เฉลิมชัย โฆสิตพิพัฒน์

 
วัดร่องขุ่น ตั้งอยู่ที่ ตำบล สันทราย อำเภอเมืองเชียงราย เสริชทางไปจาก Google Map ง่ายที่สุด แต่ก็ไปไม่ยากครับ อยู่ใกล้ๆกับถนนพหลโยธิน ( หมายเลข 1 ) มีทางแยกเข้าถนนหมายเลข 1208 (แยกเข้าน้ำตกขุนกรณ์ ) เพียง100เมตรก็ถึง อยู่ก่อนถึงตัวเมืองเชียงรายประมาณ 13 กม.

 
วัดร่องขุ่นเริ่มสร้างเมื่อปี2540 โดยการรื้อวัดร่องขุ่นเดิมออก และอ.เฉลิมชัย โฆสิตพิพัฒน์ ได้สร้างวัดร่องขุ่นในรูปบแบบใหม่ขึ้น สร้างมาเรื่อยๆ และขยายพื้นที่วัดออกไปเรื่อยๆ

 
ที่นี่เมื่อเข้าไปชมภายในบริเวณวัดแล้ว ต้องเดินหน้าตลอดนะครับ ห้ามหันหลังกลับทางเดิม เพราะจะได้เป็นการระบายนักท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละวันมีเยอะมากครับ ด้านในโบสถ์ มีพระประธานที่งดงามมากๆๆๆ บอกเลยว่างดงามจริงๆ แต่ทางวัดห้ามถ่ายภาพครับ ก็เลยไม่มีรูปมาฝาก

 
วัดร่องขุ่น เปิดให้ชมทุกวัน เวลา 6.30 – 18.00 น.

 
วัดร่องเสือเต้น
ถ.แม่กก ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย

 
เป็นวัดดังอีกวัดของเชียงราย เป็นวัดพุทธสมัยใหม่สวยงาม โดดเด่นด้วยสีน้ำเงินสดใสและงานแกะสลักฝีมือปราณีต ใช้สีน้ำเงินเป็นสีหลัก จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อนึงว่า วัดสีน้ำเงิน เดิมเป็นวัดร้าง และได้มีการบูรณะสร้างวัดขึ้นมาใหม่ในปี2559 นับว่าเป็นวัดสวยของเชียงราย ที่ไม่ควรพลาด

 
วัดพระแก้ว
อยู่ที่ถ.ไตรรัตน์ ต.เวียง ใกล้ศาลากลางจังหวัด อ.เมือง จ.เชียงราย
อยู่ใกล้กับโรงแรมครับ เป็นวัดที่พบพระแก้วมรกต (ปัจจุบัน พระแก้วมรกตประดิษฐาน ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง ) มีพระสำคัญคือ พระหยกเชียงราย ซึ่งสร้างขึ้นแทนพระแก้วมรกตองค์จริง

 
วัดพระสิงห์
ถ.สิงหไคล ต.เวียง อ.เมือง จ.เชียงราย
วัดพระสิงห์ เป็นพระอารามหลวงเก่าแก่แต่โบราณกาล และเป็นศาสนสถานที่เป็นศูนย์รวมใจของชาวเชียงรายมาอย่างยาวนาน เหตุที่ได้ชื่อว่า วัดพระสิงห์ น่าจะมาจากการที่ครั้งหนึ่ง วัดนี้ เคยเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของไทยในปัจจุบัน คือ พระพุทธสิหิงค์ หรือที่เรียกกันในชื่อสามัญว่า พระสิงห์


 
The Riverie By Katathani
ลุงชาย เข้าเช็คอินที่ เดอะริเวอร์รี บ่ายแก่ๆ ใช้กูเกิ้ลแม็บนำทาง ลานจอดรถของโรงแรมกว้างมาก จอดรถสบายๆ


 
โรงแรมเดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี (อ่านว่า ริ-เวอร์-รี – ไม่มีไม้เอก) ชื่อมาจากคำว่า ริเวอร์ + วารี เป็นโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ มีห้องพัก 271 ห้อง ห้องอาหาร 3 ห้อง ห่างจากสนามบินเพียง 20 นาที และไนท์บาซ่าร์เพียง 5 นาทีเท่านั้น

 
โรงแรมตกแต่งแบบ Classic Contemporary เป็นการผสมผสานระหว่างความทันสมัยควบคู่กับกลิ่นไอล้านนา โดยมีสัญญลักษณ์ของโรงแรมคือ “หม้อดอกบูรณฆฎะ” ที่ถือเป็นสิ่งแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองและความอุดมสมบูรณ์ การมีหม้อบูรณฆฎะมาประดับบนหัวเตียงเพื่อเป็นการอวยพรให้แขกผู้มาเยือน


 
บริเวณหน้าทางเข้าโรงแรม มีหอคำ และเรือนแก้วที่สวยงาม

 
บริเวณลอบบี้ กว้าง โฮ่โถง มีบุษบก ซึ่งประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งถือเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของชาวเชียงราย


 
SHA
ที่สำคัญ ทางโรงแรม เดอะริเวอร์รี ได้รับเครื่องหมาย SHA ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงมาตรฐานและความปลอดภัยจากโควิด-19 ซึ่งรับรองโดยกระทรวงสาธารสุขและกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องหมั่นป้องกันตัวเอง โดยการเที่ยวแบบ New Normal สวมหน้ากาก และล้างมือบ่อยๆนะครับ


 

ห้อง Riverie Suite

ลุงชาย ได้พักที่ห้อง Riverie Suite ครับ ห้องอยู่ชั้น5 ขนาด 70-100 ตรม. กว้างขวางหรูหราตกแต่งด้วยโทนสีขาว และสีทอง มีเพียง 26 ห้องเท่านั้น มีห้องนั่งเล่นแยกกับห้องนอน มีมินิบาร์ ห้องน้ำมีอ่างแยกเป็นสัดส่วน มีระเบียงกว้าง เห็นวิวแม่น้ำกก และภูเขา ที่สำคัญเห็นวัดห้วยปลากั้ง วัดชื่อดังของเมืองเชียงรายอีกด้วย


ปล. ห้อง Riverie Suite และ Royal Suite เป็นห้อง 2แบบที่มีระเบียงชมวิว
 
หลังจากสำรวจห้องพักแล้ว ก็ลงมาที่ล็อบบี้อีกรอบ เก็บภาพอีกหน่อย


 
ตรงนี้เป็นมิมิมาร์ทของโรงแรมครับ ชื่อ Melon อยู่หน้าลิฟท์เลย สะดวกมาก

 
ห้องอาหาร The Peak Wine & Grill
กดลิฟท์ขึ้นไปชั้น10 เป็นห้องอาหาร The Peak มองเห็นวิวได้ 180 องศา ทั้งภูเขา แม่น้ำและวิวเมือง ชิวมากๆ บริการอาหารยุโรป และมีเครื่องดื่มค๊อกเทล เป็น Special Signature Cocktail 100บาท/แก้ว ทานกับ Tapas อร่อยๆ


 
ผู้ที่ไม่ได้พักที่ The Riverie ก็ขึ้นมาทานมาดื่มได้นะครับ สั่งแค่เครื่องดื่มแก้วเดียว 100 บาท ก็ฟินได้แล้ว


 
สำหรับมื้อค่ำของลุงชายคา ที่ห้องอาหาร The Peak เป็นมื้อค่ำที่แสนพิเศษครับ อาหารยุโรปหน้าตาดี รสชาติอร่อย บรรยากาศก็ดีงาม จะนั่งด้านใน หรือด้านนอกก็ได้ครับ


 
หลังอิ่มหนำทั้งอาหารและวิวงามๆของเมืองเชียงรายแล้ว ก็กลับเข้าห้องครับ อาบน้ำ พักผ่อน ชิวๆ

 
อรุณสวัสดิ์เชียงราย

ตื่นเช้าวันนี้ ออกไปที่ระเบียงห้อง ถ่ายรูปภูเขาก่อนเลย ฟ้ายังไม่สว่างนัก บรรยากาศยามนี้ อยากบอกทุกคนว่า มันฟินจริงๆ แม้ไม่หนาวมากเหมือนยอดดอย แต่ก็เพียงพอแล้ว สำหรับการจะสวมเสื้อกันหนาวสักตัว


 
ลงมาเก็บภาพทไวไลท์ด้านหน้าโรงแรมครับ เสียดายตัวตึกไม่เปิดไฟ แต่ตรงหอคำ และเรือนแก้ว เปิดไฟ สวยงามมากๆครับ


 
ลูกค้าของโรงแรม สามารถเดินไปยังล็อบบี้ ผ่านจุดนี้ได้เลย


 

ห้องอาหาร Blossom

ถัดมาก็ได้เวลาถ่ายอาหารเช้าแล้วครับ ที่ห้องอาหาร Blossom ที่นี่บริการอาหารทุกมื้อ เป็นห้องอาหารที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สีสันสดใสสวยงาม วันนี้ลุงชายได้ทานแบบบุฟเฟ่ต์ครับ มีไลน์บุฟเฟต์หลากหลาย นั่งทานอาหารได้ทั้งด้านในติดแอร์ หรือจะนั่งชิวๆดื่มด่ำบรรยากาศริมน้ำกกด้านนอกก็แสนจะฟินครับ อาหารเช้าให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-10.30น.


 
โต๊ะอาหารด้านนอก ริมน้ำกก ชิวมาก

 
ทานอาหารเช้าเสร็จ ก็เดินเล่นย่อยอาหารครับ แต่ตอนนี้หมอกลงจัดมาก ฟุ้งไปทั่วบริเวณเลยครับ ฟินมากๆ เดินถ่ายรูปเพลินไปเลย


 
ห้องอาหาร China Garden
ต่อไปลุงชาย จะพาไปทานมื้อเที่ยงครับ ที่ห้องอาหาร China Garden เป็นอาหารจีนครับ อยู่ใกล้กับห้องอาหาร The Blossom เป็นห้องอาหารขึ้นชื่อของโรงแรม มีทั้งติ่มซำและอาหารจีนแบบดั้งเดิม ตกแต่งในคอนเซป ดอกไม้สี่ฤดูของจีน คือ ดอกเหมย ที่มีลักษณะเหมือนโปรยลงมา จะอยู่บริเวณโถงทางเข้าของห้องอาหาร ดอกบัว ดอกเบญจมาศ และดอกกล้วยไม้ ก็จะตกแต่งอยู่ตามห้อง Private ต่างๆ


 
เปิดให้บริการ 2 ช่วงคือ เวลา11.30-14.00น. และเวลา 18.30-22.00น. โปรโมชั่นช่วงนี้คือ ติ่มซำบุฟเฟต์ 999 บาทสุทธิ/ท่าน ในช่วงกลางวัน

 
ทานอาหารจีนเรียบร้อย ก็ขึ้นห้องครับ เก็บภาพมุมสูงจากระเบียงห้อง แล้วก็ลงมาเดินเก็บภาพที่สระว่ายน้ำต่อ



 
ขันโตกมื้อค่ำ
มื้อค่ำก็ทานอาหารพื้นเมืองแบบขันโตกครับ ทางโรงแรมเซ็ตด้านนอกห้องอาหารThe Blossom บรรยากาศริมน้ำ เป็นแบบล้านนา ฟินมากๆครับ
อาหารมีให้เลือก 2 เซท คือ เซท 700บาท/2ท่าน เซท 1,200บาท/4ท่าน


 
บรรยากาศแสงเย็น บริเวณโรงแรมครับ


 
หอระฆัง อยู่ใกล้สระว่ายน้ำ สวยทั้งกลางวัน และกลางคืน


 
ก่อนเข้าห้อง แวะถ่ายคิดคลับก่อน

 

อรุณสวัสดิ์The Riverie

เช้าวันที่ 3 ตื่นตี5ครึ่งครับเช้านี้ ออกมาถ่ายที่ระเบียงก่อนเลย หลังจากนั้นก็ไปถ่ายห้องต่างๆที่เหลือครับ


 
เริ่มจากห้อง Deluxe River
ห้อง Deluxe มี2แบบ คือ Deluxe Garden และ Deluxe River ทั้ง2 แบบเหมือนกันทุกอย่าง ต่างกันแค่วิวเท่านั้น คือวิวภูเขา กับ วิวแม่น้ำ

 
ห้องนี้เป็น Deluxe River ห้องที่เห็นวิวแม่น้ำกกครับ ขนาด36 ตรม. แต่ห้องไม่มีระเบียงนะครับ มีเพียงโต๊ะนั่งชมวิวจากในห้อง ห้องน้ำไม่มีอ่าง มี80 ยูนิต ส่วนห้อง Deluxe Garden มี 110 ยูนิต


 
ห้อง Family Suite
ห้องแฟมิลี่สวีท สำหรับครอบครัว มีเตียงเล็ก 2 เตียงอยู่ในส่วนของห้องนั่งเล่น ขนาด 62-75 ตรม. สำหรับครอบครัวสี่คน ห้องนอนของผู้ปกครองและมุมสำหรับเด็กจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนเพื่อความเป็นส่วนตัว ห้องน้ำมีฝักบัว และอ่างอาบน้ำ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเด็ก ๆ มี18 ยูนิต


 
ถ่ายห้องเสร็จแล้ว ก็ลงมาที่ล็อบบี้ครับ ที่ล็อบบี้ จะมีทั้งส่วนที่เป็นส่วนต้อนรับ และส่วนที่เป็น Lobby Lounge ตกแต่งสวยงาม น่านั่ง


 
ตรงนี้คือจุดถ่ายภาพครับ

 

ธิวา ราตรี สปา ( Tivaa Ratii Spa)

ก่อนจะเช็คเอ้าท์ ขอลุงเข้าสปา คลายเมื่อยสักหน่อยนะครับ แฮ่ๆ เดินถ่ายรูปเหนื่อยๆ ได้นวดขานวดแข้งบ้าง ก็จะดีไม่น้อย อิอิ


 
สุดท้ายนี้ ก่อนอำลา The Riverie ลุงชาย ก็อยากฝากไว้ด้วยนะครับ ออกเที่ยวกันเยอะๆ เที่ยวเมืองไทย ช่วยเมืองไทย เพื่อเศรษฐกิจไทย แล้วก็อย่าลืมเที่ยวอย่างปลอดภัยกันนะครับ สวมหน้ากาก ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ

 
เที่ยวไป ยิ้มไป เมืองไทยของเรา
จากใจ ชายคาตะวัน

Comments

comments

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *